วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 20


     หลังจากเพื่อนๆ ได้รู้จักไวยากรณ์ภาษาเกาหลีกันบ้างแล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารของคนเกาหลีว่ามีวัฒนธรรมการกินอย่างไรบ้าง  ต่อไปวันนี้ผมจะพาเพื่อนไปรู้จักในเรื่องของเงินเกาหลีกันบ้างนะครับ ว่าเงินเกาหลีกับ เงินของไทยเรามันจะแตกต่าง หรือว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างนะครับ

       ปัจจุบันค่าเงินเกาหลี เมือเปรียบเทียบกับของประเทศไทย  ราคาจะอยู่ที่ 0.0306  คือ 1 บาท เราจะสามารถ ซื้อได้เท่ากับ 0.0306 วอน ซึ่งเท่ากับ 30.6 บาท เท่ากับ 1000 วอนนะครับ

       ต่อไปเรามารู้จักสกุลเงินของเกาหลีกันบ้างนะครับ ว่าแบ่งกันยังไงบ้าง

1. 십 원           >        ชิ-บวอน          แปลว่า 10 วอน
2. 오 십 원      >       โอ-ชิ-บวอน     แปลว่า 50 วอน
3. 백 원           >        เบ-กวอน         แปลว่า 100 วอน
4.오 백 원       >       โอ-เบ-กวอน    แปลว่า 500 วอน
5. 천 원           >        ชอ-นวอน        แปลว่า 1,000 วอน
6.오 천 원       >       โอ-ชอ-นวอน   แปลว่า 5,000 วอน
7. 만 원           >        มา-นวอน         แปลว่า 10,000 วอน

    เป็นยังไงกันบ้างครับ วันนี้เพื่อนๆทุกคนคงได้เข้าใจเรื่องค่าเงินบาทของเกาหลีกันแล้วนะครับ ถ้าหากมีเพือนคนไหนสงสัยอะไร หรือมีคำถามอะไรก็สามรถที่จะ คอมเมนท์มาได้นะครับ ทางผมจะได้ปรับปรุงต่อไป

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 19


       ต่อไปเรามารู้จักไวยากรณ์ภาษาเกาหลีกันต่อนะครับ ครั้งจะต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ โดยจะเป็นในส่วนของการใช้ กันบ้างนะครับ โดยลักษณะการใช้จะเป็นดังนี้นะครับ

      ประโยค + 고 +ประโยค คือจะเป็นการเชื่อมประโยคสองประโยคให้เป็นหนึ่งประโยค โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเกียวเนื่องกันก็ได้ และประธานทั้งสองประโยคก้ไม่จะเป็นต้องเป็นคนเดียวกัน โดยจะมีความหมายว่า "และ "

      สำหรับในการแสดงอดีตกาลให้เราเติม - 고  ในประโยคหน้า ส่วนของประโยคหลังให้ผันคำกริยาเป็นรูปอดีตกาลดังตัวอย่างต่อไปนี้นะครับ



택시를 빠르고  좋아요.
รถแท็กซี่เร็วและดีครับ

나는  신문을  보고  친구는  책을 읽었습니다.
ฉันได้อ่านหนังสือพิมพ์ และเพือนได้อ่านหนังสือค่ะ

어제 영화를  보고  이야기를  했어요.
เมื่อวานนี้ได้ดูภาพยนต์ และได้คุยกับเขา

나는  축구를  하고  우유를  마셨습니다.
ผมได้เล่นฟุตบอล และได้ดื่มนมแล้วครับ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 18

          ต่อไปเรามาเปลียนเรื่องกันบ้างนะครับ ในตอนนี้ผมจะพาเพื่อนไปรู้จักกับตลาดของเกาหลีกันนะครับ มันคือ ตลาด인사동 ( อิน ซา ดง ) ถือได้ว่าเป็นตลาดที่เป็นย่านจับจ่ายยอดในกรุงโซล โดยตลาดแห่งนี้จะขายของสารพัด ทั้งของที่ระลึก ศิลปหัตถกรรม และของจำพวกของเก่า โดยที่ร้านส่วนใหญ่จะขายของพื้นบ้าน เช่น เครื่องปั้นดินเผา ภาพคัดลายมือ เครื่องประดับ หนังสือ งานแกะสลักไม้และหัตถกรรมกระดาษ ถ้าต้องการของเกาหลีแท้จะต้องจำไว้ว่า อย่าลืมดูป้านให้แน่ใจว่า " Made in Korea "
        
      ตลาดแห่งนี้ยังเป็นตลาดขายของที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลีใต้ด้วย ใครต้องการหาซื้ออาหารเกาหลีกลับบ้าน ทั้งกิมจิและชาโสมก็เป็นของฝากที่นำติดตัวไปสะดวก
       
      ในเมืองต่างๆ ก็ยังมีห้างสรรพสินค้าอยู่ทั่วไป จำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์กีฬา และของจำพวกของเล่นอีกด้วย โดยส่วนอื่นก้จะมีเหมือนกับของไทยที่ว่าจะมีของที่ทางเกาหลีนำเข้ามาจากต่างประเทศ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 17

         หลังจากที่เพือนๆได้รู้จัก ไวยากรณ์ภาษาเกาหลีรูปปัจจุบัลกาลแล้ว ต่อไปผมจะพาเพื่อนมาเรียนรู้ไวยากรณ์ในรูปของ อดีตกาลกันบ้างนะครับ โดยรูปอดีตกาลในภาษาเกาหลีจะเปลี่ยนรากศัพท์คำกริยา และรากศัพท์คำคุณศัพท์ โดยการเลือกเติม -았 / 었 / 였ลงในคำกริยาก่อน หลังจากนั้นจึงผันให้อยู่ในรูปประโยค บอกเล่า หรือรูปประโยคคำถาม ดังต่อไปนี้นะครับ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มๆนะครับ เพื่อจะได้เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนะ โดยมารู้จักกลุ่มแรกันเลยนะคับ
          กลุ่มที่ 1 เป็นการผันคำกริยาให้อยู่ในรูปอดีตกาลโดยจะมีวิธีเลือกเติมคล้ายกับรูปปัจจุบันกาลนะครับ แต่ว่าพยางค์สุดท้ายของรากศัพท์คำกริยาเป็น 아, 오  ให้เติม - 았어요

เช่น   보다     >   보 +   았어요         >   봤어요
                           보 +   았습니다    >    봤습니다
         가다    >    가 +   았어요        >    갔어요
                           가 +    았습니다   >    갔습니다
         오다    >    오 +    았어요       >    왔어요
                           오 +    았습니다   >    왔습니다

ตัวอย่างประโยค

영화를봤어요.
ได้ดูภาพยนต์

저는공원에갔어요.
ฉันได้ไปสวนสาธารณะแล้ว

저는바다에왔어요.
ฉันได้มาที่ทะเลแล้ว

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 16



      ต่อไปเรามาเรียนรู้เรื่องอาหารเกาหลีกันบ้างนะครับ หลังจากได้รุ้จักภาษาเกาหลี ไวยากรณ์ไปบ้างแล้ว เดี่ยวต่อไป เรามาเรียนรู้วัฒนธรรมของคนเกาหลีในเรื่องการกินอาหารกันบ้างนะครับ ว่าแตกต่างจากคนไทยเราบ้างป่าวนะครับ

       ช่วงเวลาการรับประทานอาหารของชาวเกาหลีเหมือนคนไทย คือ มื้อเช้า 아침( อาชิ่ม) ให้บริการถึงประมาณ 9.00 น. มื้อกลางวัน 점심(ชอมชิม) เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 - 14.00 น. และส่วนของมื้อเย็น 저녁(ชอ นยอก ) รับประทานอาหารเวลา 18.00 - 21.00 น.


        อาหารเกาหลีปรุงรสจัดและเผ็ดร้อนโดยมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยอาหารส่วนใหญ่ทำจากเนื้อสัตว์ ไก่ ปลา แต่เมนูจำพวกผักก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารเกาหลีจะเสิร์ฟทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว มื้อหนึ่งจะประกอบด้วยข้าว(밥) ซุป (국)และเครื่องเคียง (반찬)ช้อนจะใช้กินข้าวกับอาหารประเภทซุป ส่วนตะเกียบจะใช้คีบเครื่องเคียง

        อาหารเกาหลีที่เพื่อนๆทุกคนคงได้ยินและคงรู้จักเป็นอย่างดี คือ กิมจิที่ถือว่าเป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในมื้ออาหารเกาหลี ทำจากผักสารพัดชนิดโดยนำมาดองใส่พริก ขิง และเครื่องปรุงอื่นๆ รวมทั้งพวกอาหารทะเลหมักเกลือ รูปร่างหน้าตาของกิมจิในแต่ละภาคจะต่างกันไป ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับฤดูกาลของพืชผัก

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 15


    หวาดดีครับเพือนๆทุกคน ต่อไปเราเปลี่ยนเรื่องมารู้จักประโยคสำคัญบ้างนะครับ หลังจากที่เรียนรู้ไวยากรณ์มาเยอะแล้ว วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับประโยคเหล่านี้กันนะครับ เป็นประโยคที่ถือว่าได้ยินกันบ่อยมากนะครับ และเป็นสิ่งที่เราสมควรที่จะรู้ด้วย

안녕하세요.                        สวัสดี
안녕히가세요.                    ลาก่อน(พูดกับผู้ลา)
안녕히계세요.                    ลาก่อน(พูดกับคนที่อยู่ )
네.                                        ใช่
아니요.                                ไม่, ไม่ใช่
여보세요.                            อัลโหล
죄송합니다.                        ฉันขอโทษ
........수세요.                        ผมอยากจะ.........
얼마에요.                            ราคาเท่าไหร่
감사합니다.                        ขอบคุณครับ
도와수세요.                        ช่วยด้วย
모르겠습니다.                    ผมไม่เข้าใจ


     สำหรับเพื่อนๆคนไหนมีข้อสงสัยอะไร  หรือว่ามีคำถามอะไร อยากให้ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ก็สามารถเสนอแนะไว้ได้เลยนะครับ ผมจะได้นำไปปรับเปลี่ยนนะครับ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 14


     ต่อไปเรามารู้จักรูปปัจจุบัลกาลกลุ่มที่ 3 กันเลยนะครับ โดยกลุ่มนี้จะนิยมใช้กันมาก หรือสังเกตุได้ว่าจะได้ยินบ่อย โดยกลุ่มนี้ รากศัพท์คำกริยาหรือคำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย 하다 โดยจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบของ 해요 ดังตัวอย่างต่อไปนี้

일하다          >          일해요     (ทำงาน)

공부하다      >         공부해요  (เรียน)

전화하다      >         전화해요  (โทรศัพท์)

ตัวอย่างประโยค

오늘은  집에서  일해요
วันนี้ทำงานที่บ้าน

방콕에서  한국어를  공부해요
เรียนภาษาเกาหลีที่กรุงเทพมหานคร

   เป็นยังไงกันบ้างครับ ผมหวังว่าเพื่อนๆทุกคนคงเข้าใจกันบ้างแล้วสินะครับ หรือถ้าสงสัยอะไรยังไงก็ สามารถสอบถามได้นะครับ เดี่ยวครั้งต่อไปผมจะมาสอนให้อีกนะครับ