วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 20


     หลังจากเพื่อนๆ ได้รู้จักไวยากรณ์ภาษาเกาหลีกันบ้างแล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารของคนเกาหลีว่ามีวัฒนธรรมการกินอย่างไรบ้าง  ต่อไปวันนี้ผมจะพาเพื่อนไปรู้จักในเรื่องของเงินเกาหลีกันบ้างนะครับ ว่าเงินเกาหลีกับ เงินของไทยเรามันจะแตกต่าง หรือว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างนะครับ

       ปัจจุบันค่าเงินเกาหลี เมือเปรียบเทียบกับของประเทศไทย  ราคาจะอยู่ที่ 0.0306  คือ 1 บาท เราจะสามารถ ซื้อได้เท่ากับ 0.0306 วอน ซึ่งเท่ากับ 30.6 บาท เท่ากับ 1000 วอนนะครับ

       ต่อไปเรามารู้จักสกุลเงินของเกาหลีกันบ้างนะครับ ว่าแบ่งกันยังไงบ้าง

1. 십 원           >        ชิ-บวอน          แปลว่า 10 วอน
2. 오 십 원      >       โอ-ชิ-บวอน     แปลว่า 50 วอน
3. 백 원           >        เบ-กวอน         แปลว่า 100 วอน
4.오 백 원       >       โอ-เบ-กวอน    แปลว่า 500 วอน
5. 천 원           >        ชอ-นวอน        แปลว่า 1,000 วอน
6.오 천 원       >       โอ-ชอ-นวอน   แปลว่า 5,000 วอน
7. 만 원           >        มา-นวอน         แปลว่า 10,000 วอน

    เป็นยังไงกันบ้างครับ วันนี้เพื่อนๆทุกคนคงได้เข้าใจเรื่องค่าเงินบาทของเกาหลีกันแล้วนะครับ ถ้าหากมีเพือนคนไหนสงสัยอะไร หรือมีคำถามอะไรก็สามรถที่จะ คอมเมนท์มาได้นะครับ ทางผมจะได้ปรับปรุงต่อไป

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 19


       ต่อไปเรามารู้จักไวยากรณ์ภาษาเกาหลีกันต่อนะครับ ครั้งจะต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ โดยจะเป็นในส่วนของการใช้ กันบ้างนะครับ โดยลักษณะการใช้จะเป็นดังนี้นะครับ

      ประโยค + 고 +ประโยค คือจะเป็นการเชื่อมประโยคสองประโยคให้เป็นหนึ่งประโยค โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเกียวเนื่องกันก็ได้ และประธานทั้งสองประโยคก้ไม่จะเป็นต้องเป็นคนเดียวกัน โดยจะมีความหมายว่า "และ "

      สำหรับในการแสดงอดีตกาลให้เราเติม - 고  ในประโยคหน้า ส่วนของประโยคหลังให้ผันคำกริยาเป็นรูปอดีตกาลดังตัวอย่างต่อไปนี้นะครับ



택시를 빠르고  좋아요.
รถแท็กซี่เร็วและดีครับ

나는  신문을  보고  친구는  책을 읽었습니다.
ฉันได้อ่านหนังสือพิมพ์ และเพือนได้อ่านหนังสือค่ะ

어제 영화를  보고  이야기를  했어요.
เมื่อวานนี้ได้ดูภาพยนต์ และได้คุยกับเขา

나는  축구를  하고  우유를  마셨습니다.
ผมได้เล่นฟุตบอล และได้ดื่มนมแล้วครับ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 18

          ต่อไปเรามาเปลียนเรื่องกันบ้างนะครับ ในตอนนี้ผมจะพาเพื่อนไปรู้จักกับตลาดของเกาหลีกันนะครับ มันคือ ตลาด인사동 ( อิน ซา ดง ) ถือได้ว่าเป็นตลาดที่เป็นย่านจับจ่ายยอดในกรุงโซล โดยตลาดแห่งนี้จะขายของสารพัด ทั้งของที่ระลึก ศิลปหัตถกรรม และของจำพวกของเก่า โดยที่ร้านส่วนใหญ่จะขายของพื้นบ้าน เช่น เครื่องปั้นดินเผา ภาพคัดลายมือ เครื่องประดับ หนังสือ งานแกะสลักไม้และหัตถกรรมกระดาษ ถ้าต้องการของเกาหลีแท้จะต้องจำไว้ว่า อย่าลืมดูป้านให้แน่ใจว่า " Made in Korea "
        
      ตลาดแห่งนี้ยังเป็นตลาดขายของที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลีใต้ด้วย ใครต้องการหาซื้ออาหารเกาหลีกลับบ้าน ทั้งกิมจิและชาโสมก็เป็นของฝากที่นำติดตัวไปสะดวก
       
      ในเมืองต่างๆ ก็ยังมีห้างสรรพสินค้าอยู่ทั่วไป จำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์กีฬา และของจำพวกของเล่นอีกด้วย โดยส่วนอื่นก้จะมีเหมือนกับของไทยที่ว่าจะมีของที่ทางเกาหลีนำเข้ามาจากต่างประเทศ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 17

         หลังจากที่เพือนๆได้รู้จัก ไวยากรณ์ภาษาเกาหลีรูปปัจจุบัลกาลแล้ว ต่อไปผมจะพาเพื่อนมาเรียนรู้ไวยากรณ์ในรูปของ อดีตกาลกันบ้างนะครับ โดยรูปอดีตกาลในภาษาเกาหลีจะเปลี่ยนรากศัพท์คำกริยา และรากศัพท์คำคุณศัพท์ โดยการเลือกเติม -았 / 었 / 였ลงในคำกริยาก่อน หลังจากนั้นจึงผันให้อยู่ในรูปประโยค บอกเล่า หรือรูปประโยคคำถาม ดังต่อไปนี้นะครับ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มๆนะครับ เพื่อจะได้เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนะ โดยมารู้จักกลุ่มแรกันเลยนะคับ
          กลุ่มที่ 1 เป็นการผันคำกริยาให้อยู่ในรูปอดีตกาลโดยจะมีวิธีเลือกเติมคล้ายกับรูปปัจจุบันกาลนะครับ แต่ว่าพยางค์สุดท้ายของรากศัพท์คำกริยาเป็น 아, 오  ให้เติม - 았어요

เช่น   보다     >   보 +   았어요         >   봤어요
                           보 +   았습니다    >    봤습니다
         가다    >    가 +   았어요        >    갔어요
                           가 +    았습니다   >    갔습니다
         오다    >    오 +    았어요       >    왔어요
                           오 +    았습니다   >    왔습니다

ตัวอย่างประโยค

영화를봤어요.
ได้ดูภาพยนต์

저는공원에갔어요.
ฉันได้ไปสวนสาธารณะแล้ว

저는바다에왔어요.
ฉันได้มาที่ทะเลแล้ว

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 16



      ต่อไปเรามาเรียนรู้เรื่องอาหารเกาหลีกันบ้างนะครับ หลังจากได้รุ้จักภาษาเกาหลี ไวยากรณ์ไปบ้างแล้ว เดี่ยวต่อไป เรามาเรียนรู้วัฒนธรรมของคนเกาหลีในเรื่องการกินอาหารกันบ้างนะครับ ว่าแตกต่างจากคนไทยเราบ้างป่าวนะครับ

       ช่วงเวลาการรับประทานอาหารของชาวเกาหลีเหมือนคนไทย คือ มื้อเช้า 아침( อาชิ่ม) ให้บริการถึงประมาณ 9.00 น. มื้อกลางวัน 점심(ชอมชิม) เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 - 14.00 น. และส่วนของมื้อเย็น 저녁(ชอ นยอก ) รับประทานอาหารเวลา 18.00 - 21.00 น.


        อาหารเกาหลีปรุงรสจัดและเผ็ดร้อนโดยมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยอาหารส่วนใหญ่ทำจากเนื้อสัตว์ ไก่ ปลา แต่เมนูจำพวกผักก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารเกาหลีจะเสิร์ฟทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว มื้อหนึ่งจะประกอบด้วยข้าว(밥) ซุป (국)และเครื่องเคียง (반찬)ช้อนจะใช้กินข้าวกับอาหารประเภทซุป ส่วนตะเกียบจะใช้คีบเครื่องเคียง

        อาหารเกาหลีที่เพื่อนๆทุกคนคงได้ยินและคงรู้จักเป็นอย่างดี คือ กิมจิที่ถือว่าเป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในมื้ออาหารเกาหลี ทำจากผักสารพัดชนิดโดยนำมาดองใส่พริก ขิง และเครื่องปรุงอื่นๆ รวมทั้งพวกอาหารทะเลหมักเกลือ รูปร่างหน้าตาของกิมจิในแต่ละภาคจะต่างกันไป ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับฤดูกาลของพืชผัก

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 15


    หวาดดีครับเพือนๆทุกคน ต่อไปเราเปลี่ยนเรื่องมารู้จักประโยคสำคัญบ้างนะครับ หลังจากที่เรียนรู้ไวยากรณ์มาเยอะแล้ว วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับประโยคเหล่านี้กันนะครับ เป็นประโยคที่ถือว่าได้ยินกันบ่อยมากนะครับ และเป็นสิ่งที่เราสมควรที่จะรู้ด้วย

안녕하세요.                        สวัสดี
안녕히가세요.                    ลาก่อน(พูดกับผู้ลา)
안녕히계세요.                    ลาก่อน(พูดกับคนที่อยู่ )
네.                                        ใช่
아니요.                                ไม่, ไม่ใช่
여보세요.                            อัลโหล
죄송합니다.                        ฉันขอโทษ
........수세요.                        ผมอยากจะ.........
얼마에요.                            ราคาเท่าไหร่
감사합니다.                        ขอบคุณครับ
도와수세요.                        ช่วยด้วย
모르겠습니다.                    ผมไม่เข้าใจ


     สำหรับเพื่อนๆคนไหนมีข้อสงสัยอะไร  หรือว่ามีคำถามอะไร อยากให้ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ก็สามารถเสนอแนะไว้ได้เลยนะครับ ผมจะได้นำไปปรับเปลี่ยนนะครับ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 14


     ต่อไปเรามารู้จักรูปปัจจุบัลกาลกลุ่มที่ 3 กันเลยนะครับ โดยกลุ่มนี้จะนิยมใช้กันมาก หรือสังเกตุได้ว่าจะได้ยินบ่อย โดยกลุ่มนี้ รากศัพท์คำกริยาหรือคำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย 하다 โดยจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบของ 해요 ดังตัวอย่างต่อไปนี้

일하다          >          일해요     (ทำงาน)

공부하다      >         공부해요  (เรียน)

전화하다      >         전화해요  (โทรศัพท์)

ตัวอย่างประโยค

오늘은  집에서  일해요
วันนี้ทำงานที่บ้าน

방콕에서  한국어를  공부해요
เรียนภาษาเกาหลีที่กรุงเทพมหานคร

   เป็นยังไงกันบ้างครับ ผมหวังว่าเพื่อนๆทุกคนคงเข้าใจกันบ้างแล้วสินะครับ หรือถ้าสงสัยอะไรยังไงก็ สามารถสอบถามได้นะครับ เดี่ยวครั้งต่อไปผมจะมาสอนให้อีกนะครับ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 13

     หลังจากที่เพือนๆได้รู้จักกลุ่มที่ 1 กันไปแล้วนะครับ ต่อไปเดี่ยววันนี้จะมารู้จักกลุ่มที่สองกันนะครับ โดยกลุ่มที่สองจะเป็นในลักษณะที่ว่า ถ้าพยางค์สุดท้ายของรากศัพท์คำกริยาหรือคุณศัพท์เป็นสระอื่นๆ ยกเว็น และ ให้เราเติม 어요 ลงไป

   ตัวอย่าง

먹다       >    먹   +  어요   >   먹어요
읽다       >    읽   +  어요   >   읽어요
배우다   >    배   +  어요   >   배워요
쉬다       >    쉬   +  어요   >   쉬어요

ตัวอย่างประโยค

나는책을읽어요.
ฉันอ่านหนังสือ

나는집에서쉬어요.
ฉันพักผ่อนที่บ้าน

나는태국어를배워요.
ฉันเรียนภาษาไทย

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 12

      หลังจากเพือนๆได้ทราบเรื่องไวยากรณ์ภาษาเกาหลีกันบ้างแล้วนะครับ ต่อไปเรามารู้จักรูปแบบของปัจจบันกันนะครับ โดยรูปแบบนี้จะได้ยินกันเยอะมากนะ เป็นการลงท้ายผิดประโยคในแบบ ㅂ니다/ 습니다 แต่ในตอนนี้จะกล่าวถึงรูปแบบการปิดประโยค ด้วยการลงท้ายแบบ ปัจจุบัลกาล ซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกับรูปปิดประโยค ㅂ니다/ 습니다 โดยจะเห็นว่ารูปประโยคนี้ใช้ในทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน  สำหรับคำลงท้ายแบบ ปัจจุบัลกาล  มีการผันคำกริยาทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยได้แก่
      กลุ่มที่ 1 ถ้าคำพยางค์สุดท้ายนั้นของรากศัพท์คำกริยาหรือคุณศัพท์เป็นสระ 아,오 ให้เราเติม 아요 ลงไป ตัวอย่างดังต่อไปนี้

만나다   >   만나 + 아요    >  만나요
솧다       >   좋     + 아요    >  좋아요
가다       >    가    + 아요    >   가요
오다       >   오     + 아요    >   와요

ตัวอย่างประโยค

저는 친구를 만나요.
ฉันพบเพื่อน

나는 꽃이 좋아요.
ฉันชอบดอกไม้

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 11

     หลังจากเพื่อนๆ ได้รุ้จักภาษาเกาหลีไปหลายอย่างแล้วนะครับ เดี่ยวผมจะพาไปรู้จักไวยากรณ์ตัวต่อไป ที่ถือได้ว่ามีความสำคัญ ไม่แพ้ตัวอื่นเลยนะครับ งั้นเรามารู้จักไวยากรณ์ตัวต่อไปกันเลยนะ

     เรามารู้จักการใช้ -에게서 มีความหมายว่า " จาก " จะวางไว้หลังคำนามหรือคำสรรพนาม โดยเพือให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างดังต่อไปนี้นะครับ

아버지에게서  돈을  받습니다.
ได้รับเงินจากพ่อ

동생에게서  생일  선물을  받습니다.
ได้รับของขวัญวันเกิดจากน้อง

어머니에게서  편지를  받습니다.
ได้รับจดหมายจากแม่

친구에게서  한국어를  공부합니다.
ได้รับเชิญจากอาจารย์

고양이에게서  냄새가  납니다.
ได้กลิ่นแมว

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 10

     ต่อไปเราจะมาเรียนรู้ไวยากรณ์ต่อไปนะครับ เป็นการใช้ 게 โดยคำนี้จะมีความหมายว่า "แด่" จะทำหน้าที่เป็นหน่วยแสดงกรรมรองของประโยค โดยจะเหมือนกับ - 에게 แต่ใช้กับผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีสถานะทางสังคมที่สุงกว่าผู้พูด โดยที่ลักษณะการนำไปใช้จะวางไว้อยู้หลังคำนามหรือสรรพนามดังตัวอย่างต่อไปนี้

아버지께 안삼차를 드리겠습니다.
จะให้ชาโสมเกาหลีแด่คุณพ่อ

어머니게 가방을 드립니다.
ให้กระเป๋าแด่คุณแม่

형께 시계를 드립니다.
ให้นาฬิกาแด่พี่ชาย

아버지게 사과를 드립니다.
ให้แอบเปิ้ลแด่คุณพ่อ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 9

     หลังจากที่เพือนได้รู้จัก ตัวเลข วัน เดือน ในภาษาเกาหลีแล้วนะครับ ผมคิดว่าเพื่อนทุกคนคงพอที่จะพูดภาษาเกาหลีกันได้บ้างแล้วนะครับ เดี่ยววันนี้ผมพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ ไวยากรณ์ภาษาเกาหลี อีกตัวนะครับ คือ 에게 โดยจะมีความหมายว่า "แก่ " โดยเราจะใช้กับเด็ก เพือน หรือผู้ที่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่าผู้พูด เพราะว่าคนเกาหลีจะมีการให้ความเคารพซึงกันและกัน โดยเฉพาะคนที่มีอายุเยอะกว่า

การใช้ 에게
     จะทำหน้าที่เป็นหน่วยที่แสดงกรรมของประโยคนะครับ โดยจะวางไว้อยู่ด้านหลังคำนามหรือสรรพนามดังตัวอย่างต่อไปนี้



친구에게 생일 설물을 보냅니다.
ส่งของขวัญวันเกิดให้แก่เพื่อน

동생에게 돈을 줍니다.
ให้เงินแก่น้อง

개에게 밥을 숩니다.
ให้ข้าวแก่สุนัข

친구에게 구두를 줍니다.
ให้รองเท้าแก่เพื่อน

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 8

   หลังจากเพื่อนพอรู้จักการนับเลขแบบเกาหลีกันแล้วนะครับ เดี่ยวต่อไปผมจะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับรูปแบบการของวันในสัปดาห์ และเดือนในภาษาเกาหลีว่า มีการนับยังไงแล้ว มีรูปแบบการเขียนยังไงบ้างกันนะครับ ก่อนอื่นมารู้จัก วันในสัปดาห์กันก่อนนะ

วันอาทิตย์    일요일  
วันจันทร์      월요일  
วันอังคาร     화요일  
วันพุธ          수요일  
วันพฤหัส     목요일  
วันศุกร์        금요일   
วันเสาร์       토요일   

ต่อไปก็เป้นเดือนทั้ง 12 เดือนนะครับ


일월      มกราคม
이월      กุมภาพันธ์
삼월      มีนาคม
사월      เมษายน
오월      พฤษภาคม
유월      มิถุนายน
칠월      กรกฎาคม
팔월      สิงหาคม
구월      กันยายน
시월      ตุลาคม
십일월  พฤศจิกายน
십이월  ธันวาคม

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 7

    หวาดดีครับเพื่อนๆทุกคน ต่อไปเราก็มาเปลี่ยนรูปแบบกันบ้างนะครับ มาเป็นการนับตัวเลขแบบเกาหลีกันบ้าง โดยคนเกาหลีจะนิยมการนับเลขกันสองแบบ หลักๆ ประมาณนั้น อิอิ คือการนับในรูปแบบจีน-เกาหลี และแบบตามฉบับเกาหลีแท้
   
 การนับแบบจีน-เกาหลี

1 = (อิล)                2 = (อี)
3 = (ซัม)               4 = (ซา)
5 = (โอ)                6 = (ยุก)
7 = (ชิล)               8 = (พัล)
9 = (คู)                10 = (ชิบ)

การนับแบบเกาหลีแท้ๆ

1 = 하나 (ฮา-นา)            
2 = (ดุล)  
3 = (เซส)                 
4 = (เนส)  
5 = 다섯 (ดา-สอส)          
6 = 여섯 (ยอ-สอส)  
7 = 일곱 (อิล-กบ)            8 = 여덟 (ยอ-ตอล)  
9 = 아홉 (อา-ฮบ)           10 = (ยอล)

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 6

    ต่อไปเรามารู้จักไวยากรณ์ภาษาเกาหลีตัวต่อไปกันนะครับ โดยคำนี้ถือได้ว่านิยมใช้กันบ่อยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นในละคร หรือชีวิตจริง โดยไวยากรณ์ต่อไปคือ
    การใช้ 같이 โดยจะเป็นคำวิเศษณ์ทีมีความหมายว่า "ด้วยกัน"  เดี่ยวลองดูตัวอย่างต่อไปนี้นะครับ ว่าจะมีรุปแบบการใช้ยังไงบ้างครับ

ตัวอย่าง

같이 영화를 봅니까 ?
ดูภาพยนต์ด้วยกันไหมครับ

같이 먹습니까 ?
กินด้วยกันไหม

친구도 같이 옵니까 ?
มาด้วยกันกับเพือนใช่ไหมครับ

같이 걸어 갑니까 ?
เดินไปด้วยกันไหมครับ

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 5

     หลังจากเราได้รู้จักไวยากรณ์ภาษาเกาหลีไปตัวแรกแล้วเพือนคงคิดว่าไม่ยากใช้ใหม่ครับ เดี่ยวต่อไปเรามารู้จักการใช้ ไวยากรณ์ตัวต่อไปกันนะครับ  คือ
      려고하다 โดยจะมีความหมายว่า " ตั้งใจจะ " โดยถ้าหากเป็นคำกริยาที่ไม่มีตัวสะกดให้เราใช้ 려고하다  แต่ถ้าหากว่ารากศัพท์นั้น เป็นคำกริยาที่มีตัวสะกดให้เราใช้ 으려고하다  ดังตัวอย่างต่อไปนี้

오늘은 빨리 자려고  합니다.
วันนี้ตั้งใจจะนอนเร็ว

영국에 가려고 합니다.
ตั้งใจจะไปที่ประเทศอังกฤษ

오늘을 축구를 하려고 합니다.
วันนี้ตั้งใจจะเล่นฟุตบอล

파타야에 가려고 합니다.
ตั้งใจจะไปพัทยาครับ

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 4

        หลังจากทีเราได้เรียนรุ้ ตัวอักษรภาษาเกาหลีทั้งหมดแล้วนะครับ ต่อไปเราจะมาฝึกไวยกรณ์ในภาษาเกาหลีกันบ้างนะครับ จะเริ่มจากง่ายๆกันก่อนนะครับ แล้วเดี่ยวจะเพิ่มระดับความยากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้จะมาเรียนรู้การใช้ 때 เป็นการแสดงช่วงเวลา

     การใช้นั้น ในกรณีเป็นคำนามจะสามารถต่อท้ายด้วย 때 แต่ในกรณีที่ใช้กับ คำกริยา ถ้าหากว่ากริยานั้นไม่มีตัวสะกดหรือมีตัวสะกด ㄹ ให้เราใช้ ㄹ 때  และถ้าหากว่ารากศัพท์คำกริยามีตัวสะกด เราจะมีการใช้ 으대 โดยจะมีความหมายว่า "เวลา   ตอน" อย่างเช่นตัวอย่างต่อไปนี้นะครับ

점심때 식당에서  밥을 먹습니다.
ตอนเทียงกินข้าวที่ร้านอาหารครับ

아침때  학교에 갑니다
ตอนเช้าไปโรงเรียนครับ

점심대 운동을 합디다.
ตอนเที่ยงเล่นกีฬาครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 3

   หลังจากเราได้เรียนรู้สระในภาษาเกาหลีมาแล้ว ต่อไปเราจะมาเรียนรู้ตัวสะกดในภาษาเกาหลีกัน
ตัวสะกดในภาษาเกาหลี ประกอบ ตัว

1. แม่ กก ได้แก่ ㄱ, ㅋ, ㄲ, ㄳ, ㄺ  เมื่อสังเกตุเห็นตัวสะกดแบบนี้ให้ออกเสียง ก เป็นตัวสะกด
2. แม่ กน ได้แก่ ㄴ, ㄵ, ㄶ เมื่อเห็นสังเกตเห็นตัวสะกดเหล่านี้ให้ออกเสียง น เป็นตัวสะกด


3. แม่ กด ได้แก่ ㄷ, ㅅ, ㅈ, ㅊ, ㅎ, ㅆ, ㅌ  ให้ออกเสียง ด เป็นตัวสะกด

4. แม่ กล ได้แก่ ㄹ, ㄼ, ㄽ, ㄾ, ㅀ, ㄺ ให้ออกเสียง ล เป็นตัวสะกด


5. แม่ กม ได้แก่ ㅁ, ㄻ  ให้ออกเสียง ม เป็นตัวสะกด


6. แม่ กบ ได้แก่ ㅂ, ㅍ, ㄼ, ㅄ, ㄿ  สะกดด้วยตัว บ เป็นตัวสะกด


7. แม่ กง ได้แก่ ㅇ   ให้ใช้ ง เป็นตัวสะกด

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 2

   หลังจากเราได้เรียนรู้พยัญชนะไปแล้ว ต่อไปเรามาเรียนรู้ สระในภาษาเกาหลี มีจำนวน 21 ตัว

ประกอบดังนี้


아/야 อ่านว่า อา/ยา
어/여 อ่านว่า ออ/ยอ
오/요 อ่านว่า โอ/โย
우/유 อ่านว่า อู/ยู
อ่านว่า อือ
อ่านว่า อี
애/얘 อ่านว่า แอ/แย
에/예 อ่านว่า เอ/เย
อ่านว่า เว
อ่านว่า วี
อ่านว่า อึย
อ่านว่า วา
อ่านว่า แว
อ่านว่า วอ
อ่านว่า อุเหว่

ตัวอย่างประโยคทีเราได้ ยินบ่อยๆ
여 보 세 요        ฮัลโหล
미 안 해 요.       ขอโทษ
괜 찮 습 니 다. ไม่เป็นไร

เรียนภาษาเกาหลี ตอนที่ 1

    ก่อนอื่นความรู้จักกับตัวอักษรเกาหลีกันก่อนโดยที่พยัญชนะเกาหลีในยุคปัจจุบันมีแค่ 14 ตัว และมีสระเดี่ยว 10 ตัว

พยัญชนะเดี่ยวภาษาเกาหลี 14 ประกอบด้วย
1.   ㄱ อ่านว่า 기역 (คียอก) เสียงของมันคือ ค/ก

2.   ㄴ อ่านว่า 니은 (นีีอึน) เสียงของมันคือ น
3.   ㄷ อ่านว่า 디귿 (ทีกึด)เสียงของมันคือ ท/ด
4.   ㄹ อ่านว่า 리을 (รึอึล)เสียงของมันคือ ร/ล
5.   ㅁ อ่านว่า 미음 (มีอึม)เสียงของมันคือ ม
6.   ㅂ อ่านว่า 비읍 (พีอึบ)เสียงของมันคือ พ/บ
7.   ㅅ อ่านว่า 시옷 (ชีโอส)เสียงของมันคือ ซ
8.   ㅇ อ่านว่า 이응 (อีอึง) โดนตัวหน้าไม่ออกเสียงตัวสะกด ตัวหลัง ออกเสียง ง
9.   ㅈ อ่านว่า 지읒 (ชีอึจ)เสียงของมันคือ ช/จ
10. ㅊ อ่านว่า 치읓 (ชี่อึช)เสียงของมันคือ ช (เสียงหนัก)
11. ㅋ อ่านว่า 키읔 (คี่อึค)เสียงของมันคือ ก (เสียงหนัก)
12. ㅌ อ่านว่า 티읕 (ที่อึท)เสียงของมันคือ ท
13. ㅍ อ่านว่า 피읖 (พี่อึพ)เสียงของมันคือ พ (เสียงหนัก)
14. ㅎ อ่านว่า 히흫 (ฮี่อึฮ)เสียงของมันคือ ฮ


     วิธีสังเกตได้ว่าพยัญชนะที่ออกเสียงได้ 2 แบบ เช่น ㅂ ชื่อว่า 비읍 (พีอึบ)เสียงของมันคือ พ/บ จำง่ายๆว่า  ถ้าㅂ   อยู่ในพยางค์แรกของคำจะออกเสียงเป็น ตัว พ  แต่ถ้าอยู่ในพยางค์ถัดๆไปจะออกเสียงเป็น ตัว บ

ตัวอย่าง ประโยคภาษาเกาหลี
 
안녕 하 세요.
이 릉이 무엇 이지요?